“น้ำรอการระบาย” วลีที่เราคุ้นเคยกันดีในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่การขยายตัวของเมืองและระบบระบายน้ำอาจตามไม่ทันปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อบ้านและทรัพย์สิน โดยในอดีตเมื่อพูดถึงอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมเรามักจะนึกถึงภาพของกระสอบทรายจำนวนมหาศาลมาวางซ้อนกันเป็นแนวกำแพง ซึ่งแม้จะเป็นวิธีที่ใช้กันมานานแต่ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด ทั้งในเรื่องของน้ำหนัก การหาทรายในภาวะฉุกเฉิน ความยากลำบากในการติดตั้ง และปัญหาการจัดเก็บและกำจัดหลังน้ำลด
ด้วยปัญหาการใช้งานของกระสอบทรายที่เป็น Pain Point มาโดยตลอดทำให้ปัจจุบันมีการคิดค้น "แผงกั้นน้ำท่วม" ขึ้นมาแก้ปัญหาเหล่านั้น ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “แผงกั้นน้ำท่วม” ในทุกมิติว่าตั้งแต่แผงกั้นน้ำท่วม คืออะไร? มีกลไกการทำงานอย่างไร ทำไมจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากระสอบทราย มีวิธีการใช้งานอย่างไร และทำไมวัสดุอย่างพลาสติก ABS จึงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับอุปกรณ์ชิ้นสำคัญนี้
แผงกั้นน้ำท่วม คืออะไร?
แผงกั้นน้ำท่วม คือ แผ่นพลาสติกหรือโลหะที่มีลักษณะเป็นรูปตัว L ที่สามารถนำมาต่อกันได้เพื่อใช้เป็นแนวกำแพงกั้นน้ำ โดยแผงกั้นน้ำท่วมถูกออกแบบเชิงวิศวกรรมให้โครงสร้างกระจายแรงดันออกไปและทำให้มันตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคงแม้น้ำจะสูงขึ้นก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ที่เราไม่ต้องการ เช่น ประตูบ้าน ประตูรั้ว โรงจอดรถ หรือแม้กระทั่งการล้อมพื้นที่เชิงพาณิชย์และคลังสินค้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนข้อด้อยของกระสอบทรายแบบดั้งเดิม
หัวใจสำคัญของแผงกั้นน้ำท่วมอยู่ที่การออกแบบเชิงวิศวกรรมที่เน้นประสิทธิภาพการป้องกันน้ำสูงสุด โดยแต่ละแผงจะสามารถนำมาประกอบหรือเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อสร้างเป็นแนวกำแพงป้องกันน้ำที่มีความต่อเนื่องและแข็งแรง แผงกั้นน้ำส่วนใหญ่มักมีขอบยางหรือซีลชนิดพิเศษที่ด้านล่างและด้านข้าง ซึ่งเมื่อวางลงบนพื้นและได้รับแรงดันจากน้ำ ทำให้ยางเหล่านี้จะแนบสนิทกับพื้นผิวเป็นกำแพงกั้นน้ำที่แทบจะปิดผนึกสมบูรณ์ (Watertight Seal) ลดโอกาสที่น้ำจะรั่วซึมผ่านเข้ามาได้
แตกต่างจากกระสอบทรายที่อาศัยเพียงน้ำหนักในการต้านน้ำ แผงกั้นน้ำท่วม ทำงานโดยอาศัยหลักการออกแบบที่ชาญฉลาด มีน้ำหนักเบา แต่สามารถทนทานต่อแรงดันของมวลน้ำได้เป็นอย่างดี เพราะโครงสร้างถูกคำนวณมาเพื่อกระจายแรงดันออกไป ทำให้มันตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคงแม้น้ำจะสูงขึ้นก็ตาม
อะไรทำให้แผงกั้นน้ำท่วมดีกว่ากระสอบทราย
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำกระสอบทรายนั้นมีโครงสร้างเป็นเพียงกระสอบที่บรรจุทราย ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วมีรูพรุนจำนวนมากน้ำจึงสามารถซึมผ่านเนื้อผ้าและช่องว่างระหว่างกระสอบแต่ละใบได้อย่างง่ายดาย ทำให้แนวกั้นกระสอบทรายทำได้เพียงชะลอความเร็วของน้ำและลดปริมาณน้ำลงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันการรั่วซึมได้อย่างสมบูรณ์ ในทางตรงกันข้าม แผงกั้นน้ำท่วม ถูกออกแบบมาให้เป็นวัสดุผิวเรียบและทึบน้ำ แต่ละแผงเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา ทำให้น้ำไม่สามารถผ่านได้เลย ซึ่งหมายถึงพื้นที่หลังแผงกั้นจะยังคงแห้งสนิท
ถัดมาคือเรื่องของความรวดเร็วในการติดตั้งและใช้งาน ซึ่งเป็น Pain Point หลักของการใช้งานกระสอบทราย ทั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉิน การเตรียมกระสอบทรายนั้นเป็นกระบวนการที่ช้าและต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก ตั้งแต่การหาซื้อทรายและกระสอบ การตักทรายใส่กระสอบ การขนย้ายกระสอบที่มีน้ำหนักมาก (ประมาณ 15-20 กิโลกรัมต่อใบ) ไปยังจุดที่ต้องการเพื่อเรียงซ้อนกันให้เป็นระเบียบอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่สำหรับแผงกั้นน้ำท่วมนั้นแตกต่างออกไป ด้วยน้ำหนักที่เบากว่ามากคนเพียง 1-2 คนก็สามารถขนย้ายและนำมาประกอบเป็นกำแพงกั้นน้ำยาวหลายเมตรได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
ประเด็นที่สามคือ การใช้ซ้ำและการจัดเก็บ หลังจากน้ำลด กระสอบทรายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจะกลายเป็นขยะที่จัดการได้ยาก มีน้ำหนักมาก ส่งกลิ่นเหม็น และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างปลอดภัย ส่วนใหญ่จึงต้องถูกนำไปทิ้งซึ่งเป็นการสร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อม แต่ แผงกั้นน้ำท่วม สามารถนำมาใช้ซ้ำได้นับครั้งไม่ถ้วน หลังใช้งานเสร็จสิ้นเพียงแค่นำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าแล้วผึ่งให้แห้งก็สามารถพับหรือถอดประกอบเพื่อจัดเก็บในพื้นที่เล็ก ๆ เช่น โรงรถหรือห้องเก็บของได้ทันที พร้อมสำหรับใช้งานในครั้งต่อไป สิ่งนี้ทำให้แผงกั้นน้ำท่วมเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ามากกว่า
สุดท้ายคือ ผลกระทบต่อพื้นที่และมุมมองด้านความสวยงาม การใช้กระสอบทรายมักทิ้งคราบดิน ทราย และความสกปรกไว้บริเวณหน้าบ้านหลังน้ำลด ต้องเสียเวลาและแรงงานในการทำความสะอาดครั้งใหญ่ แต่แผงกั้นน้ำท่วมนั้นเป็นอุปกรณ์ที่สะอาดและไม่ทิ้งสิ่งตกค้างใด ๆ เมื่อถอดออก พื้นที่ของคุณก็จะกลับมาสวยงามดังเดิมทันที อีกทั้งระหว่างที่มีการติดตั้งแผงกั้นน้ำท่วมยังช่วยให้บ้าน โรงงาน บริษัท โรงแรม หรือสถานประกอบการดูดีกว่า
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่แผงกั้นน้ำท่วมได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการป้องกันบ้านและทรัพย์สินจากปัญหาน้ำท่วมในยุคปัจจุบัน ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพ ความสะดวก และความคุ้มค่าที่เหนือกว่ากระสอบทรายในทุกมิติ
แผงกั้นน้ำท่วมใช้งานอย่างไร?
หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของ แผงกั้นน้ำท่วม คือความง่ายในการใช้งาน ที่ถูกออกแบบมาให้ทุกคนในบ้านสามารถติดตั้งได้เองอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนหรือทักษะเชิงช่างใด ๆ โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการใช้งานติดตั้งแผงกั้นน้ำท่วมสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมพื้นที่ ก่อนการติดตั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมพื้นผิวบริเวณที่จะวางแผงกั้นน้ำท่วมเพื่อสร้างแนวกำแพงกั้นน้ำให้พร้อมใช้งาน โดยเริ่มจากการทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบและปราศจากเศษหิน ดิน ทราย ใบไม้ หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่อาจขวางกั้นระหว่างซีลยางของแผงกั้นกับพื้นผิวได้ หากมีสิ่งกีดขวางเหล่านี้อยู่ อาจทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ ที่น้ำสามารถรั่วซึมเข้ามาได้
ขั้นตอนที่ 2: การติดตั้งและประกอบ นำแผงกั้นน้ำท่วมออกจากที่จัดเก็บมายังบริเวณที่ต้องการป้องกัน เริ่มต้นติดตั้งจากจุดหนึ่ง เช่น ขอบกำแพง หรือวงกบประตู จากนั้นนำแผงถัดไปมาเชื่อมต่อกันตามระบบล็อคหรือข้อต่อของแต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นระบบสลักหรือรางที่สอดเข้ากันได้อย่างง่ายดาย ทำการเชื่อมต่อแผงไปเรื่อย ๆ จนครบตามความยาวของพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน เช่น ความกว้างของประตูรั้ว หรือประตูบ้าน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผงแต่ละชิ้นเชื่อมต่อกันอย่างสนิทและซีลยางด้านล่างแนบกับพื้นตลอดแนว
ขั้นตอนที่ 3: การยึดและตรวจสอบความแข็งแรง ซึ่งแผงกั้นน้ำท่วมที่ดีจะถูกออกแบบมาให้ใช้แรงดันของน้ำเป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นคงและผนึกซีลยางให้แนบสนิทยิ่งขึ้น เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นและดันเข้ากับตัวแผง น้ำหนักของมวลน้ำจะกดซีลยางด้านล่างให้แนบกับพื้นมากขึ้นและดันแผงให้เชื่อมต่อกันแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ สำหรับแผงกั้นที่ใช้ป้องกันพื้นที่กว้าง ๆ หรือต้องการรับระดับน้ำที่สูง อาจมีอุปกรณ์เสริมเป็นเสาค้ำยันด้านหลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการโค้งงอของแนวกั้น ซึ่งวิธีการติดตั้งเสาค้ำยันก็ทำได้ง่ายเพียงแค่นำมาเกี่ยวกับตัวแผงและปรับระดับให้เหมาะสม
แผ่นกั้นน้ำท่วมที่ใช้สร้างกำแพงกั้นน้ำท่วมมีหลายรูปแบบและขนาด
การจัดเก็บหลังใช้งาน เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติและน้ำลดลงแล้ว การจัดเก็บแผงกั้นน้ำท่วมก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปลดล็อคและถอดแผงแต่ละชิ้นออกจากกัน นำไปฉีดล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าเพื่อกำจัดคราบดินหรือสิ่งสกปรกที่อาจติดมากับน้ำท่วม จากนั้นนำไปผึ่งลมในที่ร่มให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราหรือความเสียหายต่อซีลยาง เมื่อแผงแห้งแล้ว ก็สามารถนำมาซ้อนกันและจัดเก็บในที่ที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ในห้องเก็บของหรือโรงรถ ซึ่งใช้พื้นที่น้อยมากและพร้อมให้คุณหยิบมาใช้งานได้ทันทีในครั้งต่อไป
แผงกั้นน้ำท่วมแบบพลาสติก ABS
ในตลาดปัจจุบันแผงกั้นน้ำท่วมสามารถผลิตได้จากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น อลูมิเนียม, PVC หรือพลาสติกวิศวกรรมต่าง ๆ แต่วัสดุที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านประสิทธิภาพและความทนทานในการนำมาใช้ทำแผงกั้นน้ำท่วมคือ พลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้งานเป็นอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม
พลาสติก ABS เป็นเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผสมผสานโมโนเมอร์ 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ทำให้มันได้รับคุณสมบัติที่ดีที่สุดของแต่ละส่วนประกอบมาอย่างครบถ้วน ซึ่งทำให้แผงกั้นน้ำท่วมที่ผลิตจากวัสดุ ABS มีข้อได้เปรียบเหล่านี้
1. ความทนทานต่อแรงกระแทกสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นที่สุดของพลาสติก ABS คือความเหนียวและความสามารถในการรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ในสถานการณ์น้ำท่วมมวลน้ำที่ไหลบ่ามักจะพัดพาสิ่งของต่าง ๆ มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ เศษขยะ หรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจลอยมาชนกับแนวกั้นน้ำ แผงกั้นน้ำท่วมที่ทำจากพลาสติก ABS จะสามารถทนทานต่อแรงกระแทกเหล่านี้ได้โดยไม่แตกหักหรือเสียหายง่าย ทำให้แนวกั้นยังคงความแข็งแรงและทำหน้าที่ป้องกันน้ำได้อย่างสมบูรณ์
2. น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง แม้จะมีความแข็งแรงและทนทานสูง แต่พลาสติก ABS กลับมีน้ำหนักที่เบาอย่างน่าทึ่ง ข้อดีนี้ส่งผลโดยตรงต่อความสะดวกในการใช้งาน ทำให้การขนย้ายและติดตั้งแผงกั้นน้ำท่วมเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมากหรือเครื่องทุ่นแรงใด ๆ ผู้หญิงหรือผู้สูงอายุก็สามารถจัดการติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในภาวะฉุกเฉินซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
3. ทนทานต่อสารเคมีและสภาพอากาศ น้ำท่วมในเขตเมืองมักมีการปนเปื้อนของสารเคมีต่างๆ ที่ไหลมาจากพื้นถนนหรือโรงงานอุตสาหกรรม พลาสติก ABS มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีหลายชนิด นอกจากนี้ยังทนทานต่อรังสี UV จากแสงแดดและความร้อนได้ดีกว่าพลาสติกทั่วไป ทำให้แผงกั้นน้ำท่วมจากพลาสติก ABS ไม่เสื่อมสภาพ เปราะ หรือสีซีดจางได้ง่ายแม้จะถูกจัดเก็บหรือใช้งานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ส่งผลให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและคุ้มค่า
การเลือกซื้อแผงกั้นน้ำท่วมให้เหมาะกับบ้านของคุณ
เมื่อตัดสินใจแล้วว่า แผงกั้นน้ำท่วมคือคำตอบสำหรับบ้านของคุณ ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกัน โดยทั่วไปเราของแนะนำปัจจัยที่ควรใช้ในการพิจารณาจะมี 2 ประเด็น คือ
- ขนาดพื้นที่ที่ต้องการป้องกันน้ำ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการวัดความกว้างของพื้นที่ที่คุณต้องการติดตั้งแผงกั้น เช่น ความกว้างของประตูทางเข้าบ้าน, ประตูรั้ว, หรือประตูโรงจอดรถ การทราบขนาดที่แม่นยำจะช่วยให้คุณสามารถคำนวณจำนวนแผงที่ต้องใช้ได้อย่างถูกต้อง
- ประเมินระดับความสูงของน้ำ คุณสามารถลองประเมินได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหรือจากข้อมูลความเสี่ยงในพื้นที่ของคุณว่าปกติแล้วระดับน้ำที่ท่วมเข้ามามีความสูงประมาณเท่าใด ซึ่งแผงกั้นน้ำท่วมมีความสูงให้เลือกหลากหลายระดับ การเลือกความสูงที่มากกว่าระดับน้ำสูงสุดที่เคยเจอเล็กน้อยจะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้น